เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของคุณดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งใหม่ของ e-Privacy เราจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณในการตั้งค่าคุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติม
Hands-On Review นาฬิกา Blancpain สุดยอดกลไก Tourbillon Carrousel และ สุดยอดงานศิลป์ Enamel Cloisonné
Hands-On Review นาฬิกา Blancpain สุดยอดกลไก Tourbillon Carrousel และ สุดยอดงานศิลป์ Enamel Cloisonné | Auction House
Hands-On Review Blancpain Tourbillon Carrousel & Enamel Cloisonné | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
วันนี้ Auction House จะพาทุกคนมาดูศาสตร์ในการผลิตนาฬิการะดับ Ultra Luxury ว่าทำไมนักสะสมถึงให้คุณค่าและยอมจ่ายในราคาหลักล้าน จนถึงหลักสิบล้าน เพื่อให้ได้ครอบครองนาฬิกาสักเรือน โดยเรามีนาฬิกา 2 เรือนสุดพิเศษ จากแบรนด์ Blancpain ที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในการผลิตกลไกอันสลับซับซ้อน และศาสตร์ในการตกแต่งหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นงานศิลปะขั้นสูง มาให้ทุกคนได้รับชมไปพร้อม ๆ กัน
Blancpain Spécialités Tourbillon Carrousel
Blancpain Spécialités Tourbillon Carrousel เป็นเรือนนาฬิกาที่พิเศษมาก เพราะได้ผสานสุดยอดสองกลไกเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ Flying Tourbillon กับ Flying Carrousel
กลไก Carrousel เป็นกลไกพิเศษที่หาชมได้ยากมาก จัดอยู่ในระดับไฮเอนด์เช่นเดียวกับ Tourbillon เพราะถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ การแก้ไขปัญหาเรื่องแรงโน้มถ่วงที่ส่งผลต่อความแม่นยำของนาฬิกา ซึ่งหลักการทำงานของกลไกทั้งสองนี้ คือ จะหมุน Balance Wheel และ Escapement เพื่อให้โดนแรงโน้มถ่วงเท่ากันอย่างสม่ำเสมอกัน เพื่อทำให้นาฬิกาเดินได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ซึ่งกลไก Tourbillon ถูกคิดค้นขึ้นโดย Abraham-Louis Breguet ในปี 1801 ส่วนกลไก Carrousel ได้ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในปี 1892 โดย Bahne Bonniksen หลังจากนั้นกลไก Carrousel ก็หายสาบสูญไปจากวงการนาฬิกาเป็นเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งในปี 2008 ที่ทาง Blancpain ได้นำกลไก Carrousel กลับมาใหม่อีกครั้ง และในปัจจุบันทาง Blancpain ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตกลไก Carrousel ไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าทั้งสองฟังก์ชันนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเดียวกัน แต่ก็จะมีวิธีการออกแบบที่แตกต่างกัน ทำให้โครงสร้างของกลไกแตกต่างกันไปด้วย จะเห็นได้จาก Flying Tourbillon ที่อยู่บริเวณ 12 นาฬิกา โดยโครงสร้างของตัว Tourbillon นั้น จะเป็นการยึด Balance Wheel และ Escapement ให้เข้ากับ Rotating Cage โดยมีจุดหมุนอยู่ตรงกลางทำให้กลไก Tourbillon เสมือนลอยต้านแรงโน้มถ่วงอยู่
แต่ในส่วนของ Carrousel ซึ่งอยู่ที่บริเวณ 6 นาฬิกา จะมีโครงสร้างที่แตกต่างออกไป เพราะถึงแม้ตัว Balance Wheel และ Escapement จะถูกยึดเข้ากับ Rotation Cage เหมือนกัน แต่จะมีการจัดวางที่ต่างกัน โดย Rotation Cage ของ Carrousel จะถูกหมุนโดยฟันเฟืองที่อยู่บริเวณด้านล่างซ้าย และเราจะเห็น Escapement หมุนไปรอบ ๆ ฐาน เหมือนกับเครื่องเล่นม้าหมุน จึงเป็นที่มาของชื่อ Carrousel ที่แปลว่า "ม้าหมุน" นั่นเอง
ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ได้ผสมผสานความสลับซับซ้อนของ Tourbillon และ Carrousel เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มความแม่นยำขึ้นไปอีกขั้น และจัดอยู่ในนาฬิการะดับ Grand Complication สุดหายาก และน้อยคนมากที่จะได้เห็นเรือนเวลาสุดอลังการแบบนี้ได้
ในส่วนของการออกแบบและการเก็บงานระดับ Hand Finish นาฬิกาเรือนนี้ได้ผสมผสานศาสตร์แห่งความคลาสสิกในการผลิตกลไกเข้ากับแนวทางที่ทันสมัยและมีความแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น ให้ลุคแมนบึกบึนและล้ำสมัย เสมือนเครื่องจักรจากโลกอนาคต ตัวเรือนได้สัดส่วนที่พอดี ส่วนหน้าปัดจะเป็นทรงกลมแบบสเกเลตันที่โชว์ให้เห็นสะพานจักร ที่ทำมาจากวัสดุมีค่าอย่างทองคำ ถูกเคลือบด้วย NAC สีเทาเข้ม Anthracite Gray มี Finishing บนผิวเป็นแบบด้านที่มี Texture พิเศษ ด้วยเทคนิคฟรอสต์ฟินิช (Frosted Finished) ตัดกับสีเงินของฟันเฟืองต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เป็นการคุมโทนสีแบบ Monochromatic ได้อย่างกลมกลืน
พอพลิกมาด้านหลังตัวเรือนก็เป็นแบบเปลือยโชว์ให้เห็นการทำงานของกลไก Calibre 2322V2 ที่ถูกเคลือบเป็นสีเทาเข้ม Anthracite Gray เช่นเดียวกับตัวเรือน โดยจะมีการตัดด้วยสีทองของ Ricochet Wheel ได้อย่างสวยงาม มาพร้อมตัวเรือนทำจากแพลทินัม หน้าปัดขนาด 47.40 มิลลิเมตร ส่วนราคาจะอยู่ที่ประมาณ 12,194,500 บาท
นาฬิกาเรือนนี้เน้นเฉพาะเจาะจงสำหรับนักสะสมหรือคนที่รักและเห็นคุณค่าของนาฬิกาในแง่มุมที่ลึกลงไปในแบบเฉพาะกลุ่ม แต่สำหรับเราแล้วนั้นกลไก Calibre 2322 มีความน่าสนใจและน่าสะสมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นกลไกที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ในด้านนวัตกรรมได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในกลไกที่มีความสลับซับซ้อนและแปลกใหม่ไม่เหมือนใครโดยเฉพาะ
Blancpain Villeret Tourbillon Volant Une Minute 12 Jours Émail Cloisonné
ต่อมาเป็นคอลเลกชัน Métiers d'Art ที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดงานศิลป์ขนาดย่อมที่ย่อส่วนมาอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาได้อย่างสวยงามอลังการกับรุ่น Villeret Tourbillon Volant Une Minute 12 Jours Émail Cloisonné
สำหรับคอลเลกชัน Métiers d'Art เป็นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนหน้าปัดนาฬิกา โดยใช้เทคนิคการตกแต่งด้วยมือจากหลากหลายศาสตร์ที่ Blancpain ฝึกฝนและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการแกะสลัก การลงยา การลงสีเคลือบขนาดเล็ก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานฝีมือทางศิลปะดั้งเดิมในการตกแต่งนาฬิกาทั้งสิ้น
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทางแบรนด์ได้สร้างสรรค์คอลเลกชัน Métiers d'Art ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 42 มิลลิเมตร ลดขนาดลงจากเมื่อก่อนที่มีขนาดใหญ่ 45 มิลลิเมตร โดยคอนเซ็ปต์ของเรือนนี้ จะใช้เทคนิคการเคลือบลงยาแบบ Enamel Cloisonné ที่จะแสดงเป็นภาพภูมิทัศน์ของ ทะเลสาบ Lake Joux พร้อมกับภูเขา Mont Tendre ที่อยู่ในหุบเขา Vallée de Joux ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตกลไกของ Blancpain นั่นเอง
ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้เป็นเรือนแรกของโปรเจกต์ ที่เป็นการตีความภาพภูมิทัศน์ในฤดูหนาว แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติในฤดูหนาว ที่มีหิมะสีขาวปกคลุมชายฝั่งทะเลสาบ มีทั้งต้นไม้ และภูเขา Mont Tendre ผสานเข้ากับกลไกสุดซับซ้อนอย่าง Flying Tourbillon ที่มาในตัวเรือนแพลทินัม เป็นการรวมเอาทุกศาสตร์ในการผลิตนาฬิกาเข้ามาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
หน้าปัดอีนาเมลมีความพิเศษอย่างไร? ขั้นตอนในการสร้างสรรค์เรือนเวลาชิ้นที่เราเห็นอยู่นี้ เริ่มต้นในการสร้างชิ้นงานด้วยตารางสี คือ เลือกและกำหนดเฉดสีที่จะใช้ แล้วผสมผงอีนาเมลให้เข้ากัน จากนั้นสังเกตดูว่าอีนาเมลกลมกลืนกันดีหรือไม่ และเข้ากับฐานของหน้าปัดที่เป็น White Gold แล้วหรือยัง เนื่องจากขั้นตอนในการผสมอีนาเมลที่มาในรูปแบบผงนั้น จะต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ของช่างอีนาเมล เพราะต้องบดด้วยความละเอียดที่สูงและต้องมีความสม่ำเสมอกันในทุกสัดส่วน เพื่อให้หน้าปัดมีความเรียบเนียน
ในส่วนของการไล่เฉดสีฟ้าที่เราเห็นอยู่นี้ เกิดจากการเล่นกับเอฟเฟกต์ความทึบและความโปร่งแสงของอีนาเมล หมายความว่า บริเวณที่ต้องการให้มีสีเข้มก็จะต้องผ่านการเคลือบอีนาเมลแล้วนำไปเผาทีละชั้น และก็ต้องทำกระบวนการนี้ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้เฉดสีที่ต้องการ ลองคิดดูว่ากว่าจะไล่สีได้ครบทุกเฉดสี จนกลายมาเป็นภาพทิวทัศน์ของทะเลสาบ Lake Joux จะต้องใช้เวลาและความละเอียดมากขนาดไหน เพื่อให้ได้งานศิลป์สุดอลังการบนปัดนาฬิกาเรือนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เรือนเวลาชิ้นนี้ยังมีความพิเศษเหนือขั้นขึ้นไปอีก เพราะทางแบรนด์ Blancpain ได้ใช้เทคนิคการทำอีนาเมลแบบ Cloisonné ซึ่งจะมีความพิเศษตรงการนำโลหะมีค่าอย่างทองคำขาว มาดัดและขึ้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ บนหน้าปัดเพื่อสร้างกรอบในการเคลือบลงยา ทำให้สามารถสร้างสรรค์หน้าปัดที่มีความละเอียดเหนือกว่าการเคลือบลงยาแบบปกติ โดยสังเกตได้จากรูปเลียงผา (Chamois) ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณฝั่งขวาของหน้าปัด เพราะถึงแม้เลียงผา (Chamois) จะมีขนาดที่เล็กแต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียดในการไล่เฉดสี ทั้งบริเวณขาและลำตัว
ซึ่งรายละเอียดที่เล็กที่สุดบนตัวเลียงผาจะมีขนาดเพียง 0.05 มิลลิเมตร หรือ 50 Micron เท่านั้นเอง ให้คิดภาพตามว่า 50 Micron นั้น มีขนาดเล็กเท่ากับความหนาของเส้นผม 1 เส้นเพียงเท่านั้น หมายความว่าในการตกแต่งเลียงผาตัวนี้ ช่างศิลป์จะต้องดัดทองคำและสร้างกรอบที่มีขนาดเล็กเทียบเท่ากับเส้นผมเพื่อเคลือบลงยา จากนั้นค่อยนำหน้าปัดไปเผาในเตาอบซ้ำ ๆ หลายครั้ง จนเกิดเป็นเฉดสีตามต้องการ ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความชำนาญของ Blancpain ในด้านเทคนิค Cloisonné Enamelling ได้เป็นอย่างดี
พลิกมาดูในส่วนของการตกแต่งกลไกกันบ้าง ด้านหลังตัวเรือนเป็นแบบโปร่ง โชว์ให้เห็นการทำงานของกลไกที่ถูกแกะสลักด้วยมืออย่างสวยงาม ตัวโรเตอร์เวททำจาก White Gold ก็จะถูกฉลุให้สามารถมองทะลุได้โดยไม่บดบังความสวยงามของกลไก ส่วนสะพานจักรใช้เทคนิคขั้นสูงแกะสลักด้วยมือ ทำให้สามารถเล่นกับแสงได้อย่างมีมิติ โดยรวมแล้วทำให้กลไกของเรือนเวลาชิ้นนี้ดูสวยงามในทุกมิติ เก็บงานได้อย่างประณีตในทุกสัดส่วน
สำหรับเราแล้ว การที่ได้เห็น Flying Tourbillon ลอยอยู่ท่ามกลางภาพภูมิทัศน์ของทะเลสาบ Lake Joux ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดนั้น ถือเป็นงานศิลปะชั้นเลิศที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว เหมาะกับการเป็นคอลเลกชัน Métiers d'Art อย่างที่สุด และงานศิลปะชิ้นนี้ที่มีเพียงเรือนเดียวในโลก มีค่าตัวอยู่ที่ 6,300,000 บาท
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่RELATED POSTS
Our recent work