เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของคุณดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งใหม่ของ e-Privacy เราจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณในการตั้งค่าคุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติม
รวมสุดยอด นาฬิกา Iconic - Dress Watch | Watch Talk EP.34
รวมสุดยอด นาฬิกา Iconic - Dress Watch | Watch Talk EP.34 - Auction House
ดูวิดีโอ นาฬิกา Top Iconic Dress Watch | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
Dress Watch เป็นประเภทของนาฬิกา ที่เมื่อก่อนถูกออกแบบมาให้ใส่กับสูท มีจุดเด่นอยู่ที่ความบางของตัวเรือน เพื่อให้สามารถสอดใต้ปลอกแขนเสื้อได้อย่างง่ายดาย หน้าปัดเน้นความเรียบง่ายและมักใช้มาร์คเกอร์เป็นทรงแท่งบางหรือเส้นมากกว่าตัวเลข ส่วนสายนาฬิกาหลักจะเป็นสายหนัง เน้นความเรียบง่ายให้กลมกลืนกับสูทที่ใส่หรือการแต่งตัวแบบกึ่งทางการ โดยในครั้งนี้ Auction House จะพาทุกคนมาดู Dress Watch สุดไอคอนิก ทั้งหมด 7 เรือน
Cartier Tank
ความไอคอนิกของนาฬิกา Cartier Tank ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1917 เมื่อ Louis ต้องการออกแบบนาฬิกาให้กับนายพล John Pershing แห่งกองกำลังรบนอกประเทศของสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นของขวัญฉลองชัยชนะ และเพื่อให้เหมาะกับชายชาติทหาร Louis จึงนำแรงบันดาลใจจากล้อตะขาบของรถถัง Renault FT-17 มาออกแบบตัวเรือนนาฬิกา จึงออกมาเป็น “Tank”
นาฬิกาทรงเหลี่ยมที่มีขอบหนาและเส้นคมดุดันแต่กลับให้อารมณ์สุนทรีย์สมกับเป็น Dress watch นอกจากตัวเรือนที่มีความเป็นเอกลักษณ์แล้วก็ยังมีตัวเลขโรมันอันคลาสสิก รวมถึงรางอ่านเวลา และเม็ดมะยมแซฟไฟร์ ที่ผสานกันได้อย่างลงตัวและทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความไอคอนิกที่สุด
JLC Reverso
สำหรับเรื่องราวความไอคอนิกของ JLC Reverso ได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1930-1931 โดยในช่วงเวลานั้น Mr. César de Trey หนึ่งในผู้บุกเบิกแบรนด์ JLC ได้เดินทางไปอินเดียเพื่อรับชมการแข่งขัน Polo หลังจากการจบการแข่งขัน มีนายทหารคนหนึ่งนำนาฬิกาข้อมือที่กระจกหน้าปัดแตกจากการแข่งขันมาให้เขาดู พร้อมกับถามว่า มีทางไหนบ้างที่จะป้องกันกระจกนาฬิกาได้ ในเมื่อการปะทะในกีฬาชนิดนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
หลังจากนั้น Mr. César de Trey เดินทางกลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์ เขาได้นำข้อข้องใจนี้ไปปรึกษากับเจ้าของบริษัท Lecoultre ซึ่งว่าจ้างให้ Jaeger S.A ทำการผลิตอีกทอดหนึ่ง ดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศสของ Jaeger นาม René-Alfred Chauvot จึงได้คิดค้นวิธีการปกป้องคริสตัลอันบอบบางในเรือนนาฬิกา ด้วยการออกแบบนาฬิกาให้ตัวเรือนสามารถหมุนได้ 180 องศาเพื่อสลับเอาหน้าปัดคริสตัลไว้ด้านล่าง และหมุนด้านหลังที่เป็นโลหะขึ้นมาแทนที่ นาฬิกาดังกล่าวเรียกว่า “The Reverso” มาจากภาษาละตินซึ่งแปลว่า “หมุนกลับได้”
ซึ่ง Reverso เรือนแรกเปิดตัวในปี 1931 โดยมี A.E. Wenger เป็นผู้ออกแบบตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมเฉพาะตัว ได้แรงบันดาลใจจากสไตล์ Art Deco ที่เน้นการออกแบบเป็นรูปทรงเลขาคณิตและลวดลายแบบธรรมชาติ โดดเด่นด้วยหน้าปัดบอกเวลาทั้งสองด้านที่สามารถพลิกกลับไปมาได้ หลักการออกแบบคือให้ตัวเรือนสามารถหมุนได้ 180 องศา เพื่อสลับเอาหน้าปัดคริสตัลไว้ด้านล่าง และหมุนด้านหลังที่เป็นโลหะขึ้นมาแทนที่ ซึ่ง Reverso ถูกมองว่าเป็น Dress watch ที่มีความเรียบหรูและเป็นทางการมาก ๆ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของการออกแบบรูปลักษณ์เช่นนี้ไม่ใช่เพื่อความเท่ หรือโก้เก๋เป็นสำคัญ แต่เป็นการดีไซน์เพื่อแก้ปัญหาหน้าปัดนาฬิกาที่แตกในการแข่งขันกีฬา Polo โดยเฉพาะ ซึ่งจริง ๆ แล้ว Reverso ก็เป็น Sport watch นั่นเอง
IWC Portugieser
เรื่องราวของนาฬิการุ่นนี้ เกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 1930s เมื่อสองนักธุรกิจชาวโปรตุเกสเดินทางด้วยเรือมายังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสั่งทำนาฬิกาข้อมือแบบใหม่ ที่ข้างในใช้กลไกของนาฬิกาพก สำหรับนำไปใช้ระหว่างการเดินเรือและนำเข้าไปจำหน่าย โดยจะโปรโมตเรื่องความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ (Chronometer)
ซึ่งกลไกแบบนี้ทำให้นักออกแบบต้องแก้โจทย์นี้ด้วยการทำให้ตัวเรือนสแตนเลสสตีลบางลง เพื่อเปิดให้พื้นที่ใส่กลไก 74-17H4 Caliber มากขึ้น แต่ขนาดของนาฬิกาก็ยังใหญ่กว่าปกติอยู่ดี เพราะยุคนั้นส่วนใหญ่จะใส่นาฬิกา 35 มิลลิเมตรกันอยู่ แต่นี่นาฬิกาขยายขนาดไปถึง 41.5 มิลลิเมตร ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากส่วนประกอบบนเรือและนาฬิกาบอกเวลาบนฝั่งของทหารเรือ ซึ่งมีความร่วมสมัย ดูเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา ต่อมาในปี 1939 นาฬิกานี้ถูกส่งมอบให้กับผู้ค้านาฬิกาชาวยูเครน และปี 1942 จึงถูกส่งให้กับผู้ค้าชาวโปรตุเกส
จนกระทั่งในปี 1993 เมื่อ IWC ฉลองครบรอบ 125 ปี จึงได้จัดทำนาฬิการุ่นนี้ขึ้นอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า “Portugieser” ซึ่งทำให้รุ่นนี้พลิกกลับมาฮิตติดลมบนจนถึงปัจจุบัน แถมยังเป็นรุ่นท็อปขายดีตลอดกาล เปรียบเสมือนเป็น Signature ในตำนานของ IWC ด้วยเอกลักษณ์ที่ชัดเจนคือ หน้าปัดบอกเวลาขนาดใหญ่ ตัวเลขบอกเวลาแบบเลขอารบิก พร้อมด้วยเข็มนาฬิกาสั้นยาวที่ประกอบกันได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ และถือเป็นรุ่นที่ได้รับการยอมรับว่า คือสุดยอด Dress Watch อีกหนึ่งแบรนด์ที่ใครก็อยากได้ไปครอบครอง
Breguet Classique Line
Breguet เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งโดย Abraham-Louis Breguet ช่างทำนาฬิกาที่ที่เก่งที่สุดในยุคนั้น อีกทั้งยังเป็นผู้คิดค้นกลไก Tourbillon และสร้างสรรค์ Pocket Watch ที่สลับซับซ้อนมากที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งนาฬิกา Classique Line ได้คง DNA ในการดีไซน์แบบดั้งเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นเข็มนาฬิกาสีน้ำเงินสุด Iconic ที่มีการดีไซน์วงแหวนอยู่ตรงเกือบปลายเข็ม ซึ่งไม่ใช่รูวงกลมธรรมดาแต่อย่างใด หากสังเกตดี ๆ จะพบว่ารูนั้นมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว (Crescent Moon) หรือไม่ก็คล้ายกับแอปเปิ้ลแหว่ง จึงทำให้ Breguet Hands มีชื่อเล่นอีกชื่อว่า “Pomme Hands” โดยคำว่า “Pomme” เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า แอปเปิ้ล นอกจากเข็มนาฬิกาแล้วก็ยังมีการเปลี่ยนมาร์กเกอร์มาเป็นตัวเลขอารบิกตัวเอียงพร้อมกับการเริ่มต้นเพนต์หน้าปัดแบบ Enamel อีกด้วย
ส่วน DNA อย่างที่สอง คือ แกะสลักลาย Guilloche บนหน้าปัด ซึ่งเป็นลวดลายแพตเทิร์นต่าง ๆ ให้ความงดงาม ทำให้หน้าปัดสะท้อนแสงได้ดี แถมยังช่วยปกป้องหน้าปัดจากรอยขีดข่วนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
อย่างที่สาม คือ Case band Fluting การเซาะร่องรอบตัวเรือน เป็นการสร้างเอกลักษณ์และเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเรือน ซึ่งจะสามารถเห็นการเซาะร่องแบบนี้ได้ในทุกเรือนของ Classique Line
และอย่างที่สี่ คือ Welded Lugs การทำขามาเชื่อมกับตัวเรือน ซึ่งจะสกรูขันเข้าแทนการใช้สปริง ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่ง DNA แบบดั้งเดิมทั้งหมดนี้ ได้ถูกยกจาก Pocket Watch หรือ นาฬิกาพก มาสู่การเป็นนาฬิกาข้อมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Patek Calatrava
Patek, Philippe & Co. Calatrava Reference 96 นาฬิกาเรือนแรกภายใต้การบริหารงานของสองพี่น้องตระกูล Stern เปิดตัวในปี 1932 ที่ได้ David Penney มาออกแบบให้ในสไตล์เบาเฮาส์ (Bauhaus) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากโรงเรียนสอนออกแบบในประเทศเยอรมันนี ที่รวบรวมเอาศาสตร์และศิลป์ งานฝีมือ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
ทำให้เกิดเป็นดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย สวยงามอยู่เหนือกาลเวลา ซึ่งจะหลักในการดีไซน์จะเน้นการใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นหน้าปัดของนาฬิกาจะมีแค่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น นั่นก็คือ เข็มนาฬิกา, หลักชั่วโมง และวินาที ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลายมาเป็นต้นแบบของ Dress Watch ของรุ่นต่อ ๆ ไปในปัจจุบัน
Vacheron Constantin Patrimony
เรื่องราวความไอคอนิกของ Vacheron Constantin Patrimony เริ่มต้นในปี 1957 เป็นสไตล์คลาสสิกของแบรนด์ เนื่องจาก VC เน้นผลิตนาฬิกาทรงกลมแบบธรรมดาที่บางเฉียบ ไม่มีการตกแต่งภายนอกและเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย ดึงเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นออก
ทำให้นาฬิกาดูสะอาดงดงามเหนือกาลเวลา เพรียวบาง และคลาสสิก ซึ่งการดีไซน์ทั้งหมดนี้ทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นจุดกำเนิดของคอลเลกชัน Patrimony และเป็นคอลเลกชันสุดไอนิกของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
A. Lange & Söhne Lange 1
ความไอคอนิกของ A. Lange & Söhne Lange 1 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 1994 นาฬิกาสุดไอคอนิกของแบรนด์ โดยจะเน้นการพัฒนากลไกที่ทันสมัยในรูปแบบที่คลาสสิก โดดเด่นด้วยการดีไซน์หน้าปัดอสมมาตร คือ การจัดวางรูปแบบหน้าปัดที่มีเข็มชั่วโมงและนาทีไม่ได้อยู่ตรงศูนย์กลางของหน้าปัด แต่จะเลื่อนไปทาง 9 นาฬิกา โดยทางแบรนด์ได้ใช้หลักการในการออกแบบที่เรียกว่า Golden Ratio คือ การดีไซน์เลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งจะใช้เลขาคณิตเข้ามาเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ก็ยังออกแบบตัวอักษรของตัวเองเพื่อนำมาใช้ในนาฬิกาด้วย จึงทำให้นาฬิกามีเอกลักษณ์อย่างแตกต่าง ส่วนหน้าต่างบอกวันที่ ก็จะเป็นแบบ Big Date จะเป็นการใช้แผ่นโลหะสองชิ้นมาแสดงหลักหน่วยและหลักสิบของวันที่ ซึ่งจะสามารถกดเปลี่ยนได้ที่ปุ่มบริเวณตำแหน่ง 10 นาฬิกา
และยังมาพร้อมเข็ม Power Reserve หรือ เข็มแสดงพลังงานสำรอง ที่อยู่บริเวณตำแหน่ง 3 นาฬิกา โดยจะกำกับด้วยภาษาเยอรมันว่า “Auf” และ “Ab” ซึ่งแปลว่าลานเต็มหรือลานหมดตามลำดับ มีหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีอยู่ที่ตำแหน่งระหว่าง 4 และ 5 นาฬิกา ซึ่งการดีไซน์ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญของคอลเลกชันนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier,RELATED POSTS
Our recent work