เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของคุณดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งใหม่ของ e-Privacy เราจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณในการตั้งค่าคุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติม
รวมสุดยอด นาฬิกา Iconic - Chronograph Watch | Watch Talk EP.30
รวมสุดยอด นาฬิกา Iconic - Chronograph Watch | Watch Talk EP.30
ดูวิดีโอ รวมสุดยอด นาฬิกา Iconic Chronograph | Watch Talk EP.30 | Auction House
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
นาฬิกา Chronograph เป็นฟังก์ชันเก่าแก่ที่มีประวัติมายาวนานกว่า 200 ปี ในครั้งนี้ Auction House จะพาทุกคนมาดูว่ามีนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นไหนที่เป็นตำนานแล้วได้รับขนานนามว่าเป็นรุ่นสุดไอคอนิก
1. Breitling Navitimer
ฉายา "เจ้าพ่อแห่งนาฬิกาโครโนกราฟ" เนื่องจากผู้ก่อตั้งแบรนด์ Léon Breitling ได้วางรากฐานการออกแบบนาฬิกาโครโนกราฟตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ว่าจะเป็น การคิดค้นปุ่ม Monopusher หรือ ปุ่มกดจับเวลา นอกจากนี้แล้วก็ยังคิดค้น Tachymeter หน่วยสำหรับใช้ในการอ้างอิงกับการวัดความเร็ว
ซึ่งนาฬิกา Breitling Navitimer มีจุดเด่นอยู่ที่ "Slide Rules" ขอบหน้าปัดหมุนได้ที่ใช้สำหรับคิดเลข ได้มีการพัฒนาต่อยอดมาเป็นนาฬิกา Navitimer ที่ทำให้สามารถคำนวณความเร็ว ระยะทาง และเชื้อเพลิงได้ ถือว่าเป็นนาฬิกาที่มีฟังก์ชันครบครันมากเลยทีเดียว โดยนาฬิการุ่นใหม่ ปี 2022 นี้ ได้มีการจัดเรียงหน้าปัดให้ดูสะอาดตาขึ้น ส่วนกลไกก็เปลี่ยนมาเป็นแบบอัตโนมัติ In House Movement ที่ทางแบรนด์ได้ผลิตขึ้นมาเอง อีกทั้งยังได้การรับรองคุณภาพความแม่นยำจาก COSC ด้วย
2. Omega Speedmaster Professional
นาฬิกาคอลเลกชัน Speedmaster ถูกปล่อยออกมาสู่แวดวงอุตสาหกรรมนาฬิกาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 โดยจุดประสงค์ของแบรนด์ Omega ตอนนั้นเป็นการเปิดตัว Speedmaster ในรูปลักษณ์ของ Sport and Racing Watch และวางตำแหน่งให้นาฬิการุ่นนี้ได้ใช้เป็นนาฬิกาจับเวลาในการแข่งขันโอลิมปิกโลก ซึ่งนาฬิกา Omega Speedmaster Ref. CK2915 ถูกเรียกสั้น ๆ ว่า “Broad Arrow” มาจากชื่อของเข็มนาฬิกาที่ใช้นั่นเอง ถูกออกแบบโดยนักออกแบบนาฬิกาชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่ได้สร้างสรรค์จุดเด่นในตำนานของนาฬิกา Speedmaster หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าปัด Chronograph ทั้งสามวงที่ถูกวางตำแหน่งได้ดูสวยงามพอดิบพอดี และ Tachymeter ที่ถูกนำออกมาไว้บริเวณขอบตัวเรือนเป็นแบรนด์แรก
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน Omega Speedmaster ไม่ได้ถูกมองเป็น Sport and Racing Watch อีกต่อไปเพราะเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ได้ไปเยือนดวงจันทร์ และเป็นเรือนเดียวที่ผ่านบททดสอบอันแข็งแกร่งของ NASA จึงได้รับฉายาใหม่ว่า "Moonwatch" โดยนาฬิการุ่นปัจจุบันยังคงดีไซน์เดิมไว้อย่างครบถ้วน แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางจุด เช่น รุ่นดั้งเดิมจะเป็นเข็ม Arrow Hands แต่รุ่นใหม่เข็มจะเป็นแบบ Pencil Hands ทำงานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ Caliber 3861 สำรองพลังงาน 50 ชั่วโมง และต้านทานต่อสนามแม่เหล็กได้สูงถึง 15,000 guass
3. Zenith El Primero
Zenith El Primero เป็นนาฬิกา Prototype เรือนแรกของโลกที่มีฟังก์ชัน Chronograph แบบ Automatic โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่มีฟังก์ชัน Chronograph สามสี และกลไกแบบ In-House ที่มีความโฉบเฉี่ยวเฉพาะตัวซึ่งถ่ายทอดให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านโลโก้ “ดาว” สุด Iconic บนฝาหลัง ซึ่งแบรนด์ทำสำเร็จในวันที่ 10 มกราคม 1969 ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดกว่า 7 ปี เลยกำหนดวันครบรอบย้อนกลับไป 4 ปี แต่ก็คุ้มค่าการรอคอยเพราะได้กลไกแบบ In-House ที่มีฟังก์ชันโครโนกราฟแบบออโตเมติกที่แม่นยำที่สุดในโลก
ซึ่งนาฬิกา Zenith El Primero รุ่นใหม่ในปัจจุบันนี้ ยังคงดีไซน์ของหน้าปัดย่อยทั้งสามที่ซ้อนทับกันเล็กน้อย มีสีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ตรงโลโก้รูปดาวก็ย้ายมาอยู่ที่เลข 12 นาฬิกา แต่ Tachymeter ได้ถูกนำออกไป ซึ่งถูกแทนที่ด้วยสเกล 1/10 of a second ที่สามารถจับเวลาได้ละเอียดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
4. Heuer Carrera
ในปี 1963 แบรนด์ Heuer ได้เปิดตัว “Carrera” ที่โดดเด่นสะดุดตา เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดมาจนถึงปัจจุบัน มาพร้อมความสัมพันธ์อันดีกับกีฬาแข่งรถ โดย Jack Heuer ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล Heuer เป็นผู้รังสรรค์นาฬิการุ่นนี้ขึ้นมา หลังจากที่เขาได้เข้ามาสานต่องานของบริษัท ซึ่งชื่อรุ่นนี้ มาจากการแข่งขัน “Carrera Panamericana” ซึ่งเป็นเส้นทางแข่งรถสุดหฤโหดบนถนนสาธารณะในเม็กซิโก
โดย Jack ต้องการสร้างนาฬิกาสำหรับนักแข่ง ซึ่งต้องเป็นนาฬิกาที่เน้นการจับเวลาเป็นหลักและมีความทนทานเพียงพอที่จะรับแรงสั่นสะเทือนในระหว่างการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้นาฬิกา Carrera รุ่นแรกที่มีขนาด 36 มิลลิเมตร มีดีไซน์ที่สะอาดตา และใช้เข็มสไตล์ Baton ดูเรียบ อ่านง่าย มีความมินิมอล เน้นไปที่การใช้งานโครโนกราฟเป็นหลักโดยไม่มีลูกเล่นอื่นมารบกวน ซึ่งเป็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่ยังคงไว้มานาน 55 ปี ด้วยคุณสมบัตินี้เองทำให้ “Carrera” ยิ่งใหญ่และกลายเป็นตำนานมาจนทุกวันนี้
5. Heuer Monaco
Heuer Monaco เป็นหนึ่งในนาฬิกาสุดไอคอนิก โดดเด่นด้วยตัวเรือนสี่เหลี่ยม เปิดตัวครั้งแรกในปี 1969 มาพร้อมกับกลไกชื่อว่า “Chronomatic Calibre 11” เป็นกลไกจับเวลาแบบขึ้นลานอัตโนมัติ (Automatic Chronograph) แบบกันน้ำรุ่นแรกของโลก โดยเกิดจากการร่วมมือกัน ระหว่างแบรนด์ Heuer, Breitling, Hamilton-Buren และ Dubois-Depraz เรียกการร่วมมือนี้ว่า Project 99 ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น และเป็นรากฐานส่งต่อมาสู่กลไก Automatic Chronograph ในปัจจุบัน
ซึ่ง Heuer Monaco ได้รับความนิยมมาตลอด โดยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นคือ ตัวเรือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส เม็ดมะยมด้านซ้าย จับเวลาได้ต่อเนื่อง 30 นาที และเป็นที่นิยมในวงการมอเตอร์สปอร์ตยุคนั้น ส่วนจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้ Heuer Monaco โด่งดังเป็นอย่างมากก็คือ การที่ถูกสวมใส่โดย "King Of Cool" หรือ Steve McQueen นั้นเอง ซึ่ง Steve McQueen ได้ใส่นาฬิการุ่นนี้ในภาพยนตร์เรื่อง Le Mans ในปี 1971 และนาฬิการุ่นนี้ก็ได้กลายเป็นภาพจำและได้รับฉายาว่า McQueen Watch
6. Rolex Daytona
ความเชื่อมโยงระหว่าง Rolex และ Daytona เริ่มมาจากช่วงปี 1930 เมื่อ Sir Malcolm Campbell ผู้เข้าแข่งขันจาก Great Britain ได้คว้าชัยและสร้างสถิติโลกพร้อมกับสวมนาฬิกา Rolex Oyster ขณะขับรถ เขาเขียนจดหมายขอบคุณถึง Rolex เป็นการส่วนตัวในปี ค.ศ. 1931 เพื่อชื่นชมในเรื่องความแข็งแรงคงทนของนาฬิกา นี่เป็นความสัมพันธ์ครั้งแรกที่ Rolex มีต่อสนามแข่งรถแห่งนี้ หลังจากการแข่งขันถูกย้ายไปที่ Daytona International Speedway นั้น Rolex ได้รับเกียรติให้เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1962 และหนึ่งปีถัดมาในปี ค.ศ. 1963 ทาง Rolex ก็ได้เผยโฉม Rolex Cosmograph Reference 6239 หรือรุ่นที่มีชื่อเล่นว่า “Daytona” เป็นครั้งแรก
เพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นนาฬิกาจับเวลาอย่างเป็นทางการแห่งสนามแข่งนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่ “Tachymeter” หรือ สเกลวัดระยะบนขอบหน้าปัดเพื่อคำนวณความเร็วเฉลี่ย ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติอย่างชัดเจน นาฬิการุ่นนี้จึงได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักแข่งรถทั้งหลาย โดดเด่นที่ Pushers (ปุ่มจับเวลา) และกันน้ำได้
ซึ่ง Rolex Daytona ในยุคปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นนาฬิกาโครโนกราฟที่มี Waiting List ยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้ ทำงานด้วยกลไก Caliber 4130 ซึ่งเป็น In-House Automatic Movement ที่ทาง Rolex พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด มี Vertical Clutch ที่ได้มาตรฐานความแม่นยำ COSC มาพร้อมกับจุดเด่นของขอบหน้าปัดแบบใหม่ที่ทำจาก Cerachrom วัสดุพิเศษที่ทาง Rolex ได้พัฒาจดสิทธิบัตรไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่าลืมกด ติดตาม เพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Grand Seiko มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่
ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่
Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek Philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck Muller ได้ที่นี่RELATED POSTS
Our recent work